บทที่4 Part 1 เช็ค 5 Basic มีอยู่ในตัวคุณไหม?
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เรียนดนตรี เป็นนักดนตรี หรือผู้ที่สนใจด้านระบบเสียง ส่วนหนึ่งอาจมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็ได้ไม่ยากจนเกินไปเช่นกันครับ หากตั้งใจศึกษาด้านระบบเสียง ด้านดนตรี อย่างจริงจัง หรืออาจเลือกไปเรียนต่อสถาบันด้านซาวด์เอ็นจิเนียร์เลยก็ยังได้ เพราะในปัจจุบันในมหาวิทยาลัยเองก็มีเปิดสอน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร ซาวด์เอ็นจิเนียร์โดยตรง หรือจะเป็นหลักสูตรดนตรีสากล .. แต่สำหรับใครอาจจะยังไม่มีเวลาเรียน หรือศึกษาอย่างจริงจัง
วันนี้ผมจะมาบอก 5 เรื่องเบสิคว่าถ้าอยากจะเป็น Live Sound Engineer ต้องไปลงลึก ศึกษาอะไรบ้าง
สำหรับ อ.ต๋อมผู้เขียนบทเรียนเองก็เล่นกีต้าร์ เบส กลอง เป็นหมด
มีประสบการณ์ทั้งเล่นดนตรีอาชีพ ทำSound ร้านเหล้าดนตรีสด ทำกิจการเครื่องเช่ารับงานอีเว้นท์
แค่เราศึกษาแนวเพลงแต่ละรูปแบบ ลักษณะของวงดนตรีแต่ละวง ลักษณะโทนเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ลักษณะการเล่น รูปแบบเพลงต่างๆ โครงสร้างเพลง อารมณ์เพลง ถ้าเราเข้าใจดนตรี เข้าใจเพลงที่นักดนตรีเล่นออกมา จะทำให้การทำซาวด์ออกมาดีมากๆ และถ้าเราทำงานกับดนตรีจนชำนาญ งานด้านเสียงอื่น ๆ ก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะ
ศึกษาไปทีละอย่าง อาจจะเริ่มจากที่ Mixer กับ PA Loudspeaker ก่อน พอเข้าใจหลักการทำงานของมันแล้ว ค่อยมาเครื่องมือถัดๆไป แต่ต้องศึกษามันให้เข้าใจนะครับ ไม่งั้นเวลาทำงานจริงๆ อาจทำให้งานเสียหายได้
เพราะเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้เลยในการทำงานด้านเสียง มีความสำคัญมาก เสียงจะออกมาเพราะไม่เพราะก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ มีทั้งเป็นแบบ Hardware และแบบ Digital (DSP) แต่ถ้าเราไม่เข้าใจหลักการทำงานของมันจริงๆ แล้วปรับแต่งแบบมั่ว ๆ ไปอาจจะกลายเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีก็ได้ครับ
การคัด EQ และการ Mixing เป็นขั้นตอนการทำงานหลังจากเราเชื่อมต่อระบบเสียงเสร็จแล้ว เราจะต้องมีการปรับค่า EQ เอาย่านส่วนเกินที่ทำให้เกิดอาการ Feedback ออก อันนี้ต้องอาศัยความชำนาญค่อนข้างสูง หรืออาจจะหาตัวช่วย Analyzer Meter เข้ามาช่วย ปรับค่า EQ ให้มีซาวด์ตรงตามคาแร็คเตอร์ตามรูปแบบวง รูปแบบแนวเพลง และตามเครื่องดนตรีที่มันควรจะเป็น
ถ้าปรับมั่วละก็เละเทะแน่นอนครับ นอกจากการคัดย่าน EQ แล้ว เราต้องมีการ Mixing ที่ต้องเรียนรู้หนักๆ การ Mixing ก็คือการนำเสียงหลายๆ เสียงมามิกซ์รวมกัน แล้วจัดให้มีความ Balance ไม่ให้เสียงชนกัน หรือทับไลน์กัน ปรับแต่งซาวด์ให้กลมกลืน มีการจัดความดังเบาให้ชัดเจน บางเสียงควรเบา บางเสียงควรดัง บางเสียงควรต้อง Pan แยกออกจากกัน เพื่อความสมบูรณ์ของเสียง ถ้าเราทำแบบไม่เข้าใจ รับรองเพลงที่มิกซ์ออกมา ฟังไม่รู้เรื่องแน่นอน
บทเรียนทั้ง 4 บทนี้เป็นเพียงบทสรุปของภาพรวมของ Live Sound ที่ต้องการให้ผู้ที่เข้ามาศึกษาทำความเข้าใจให้ชัดเจนทั้งหมดก่อนนะครับ หลังจากนี้ขอให้ผู้ที่เข้ามาศึกษาเรื่อง Live Sound ไปศึกษาต่อในเรื่องแก่นหลักแกนหลักของเรื่องAudio ซึ่งจะแยกย่อยออกจากบทเรียนนี้กันก่อนนะครับ จะเป็นหัวข้อหลักที่จะต้องรู้เหมือนกับคนที่ศึกษาเรื่องAudio ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ศึกษากันมาต่อให้อุปกรณ์เครื่องเสียงมันจะมีการพัฒนาไปไกลแค่ไหน เราก็เรียนรู้และอยู่กับ แกนหลักอยู่ดีครับไม่มีวันหนีพ้น ถ้าคุณไม่รู้ไม่เข้าใจคุณจะไม่สามารถเป็นSound Engineer ที่ดีได้
แล้วเราค่อยมาศึกษาบทเรียนต่อไปในคราวหน้ากันนะครับ
ใส่ความเห็น